ทำไมม้านั่งบางรุ่นถึงชำรุดเร็ว ทั้งที่ราคาใกล้กัน - จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งสำหรับธุรกิจ

เพราะความทนทานไม่ใช่แค่เรื่องของ “ราคา” แต่คือ “โครงสร้าง วัสดุ และมาตรฐานผลิต”

หลายองค์กรมักประสบปัญหาหลังจัดซื้อม้านั่งได้ไม่นาน เช่น

โครงบิดงอ
เบาะฉีกขาด
สีซีดหรือสนิมขึ้น
หรือขาโยกแม้เพิ่งใช้งานไม่ถึงปี

ทั้งที่ตอนซื้อก็ เลือกราคาใกล้เคียงกันจากร้านหลายเจ้า
เหตุผลคือ “ต้นทุนเท่ากัน ≠ คุณภาพเท่ากัน”

✅ 1. วัสดุหลักที่ใช้ “ไม่เท่ากัน”

แม้หน้าตาจะคล้ายกัน แต่หลายครั้งวัสดุที่ใช้กลับต่างกันมาก

องค์ประกอบ	ของคุณภาพดี	ของคุณภาพต่ำ
โครง	เหล็กหนา 1.2–1.5 มม. / สแตนเลส	เหล็กบาง 0.8 มม. หรือเหล็กรีดเย็นราคาถูก
เบาะ	PU/หนังเทียมหนา เย็บแน่น	PVC บาง แตกง่าย
แผ่นรองนั่ง	ไม้อัดเกรด A หรือ MDF เคลือบกันชื้น	ไม้ประกอบราคาถูก ไม่กันปลวก

📌 วัสดุภายในมองไม่เห็น แต่ส่งผลต่ออายุการใช้งานโดยตรง

✅ 2. ไม่มีการเคลือบผิวป้องกันสนิมหรือ UV

ม้านั่งเหล็กต้องผ่าน การพ่นสี Powder Coating หรือ Epoxy
ม้านั่งที่ใช้ภายนอกควร เคลือบกันแดดและน้ำ โดยเฉพาะไม้
ถ้าไม่ได้เคลือบดี → สีลอก ผิวเป็นสนิม หรือบวมจากความชื้น

✅ 3. โครงสร้างเชื่อมไม่เต็ม/ขาไม่สมดุล

บางโรงงานลดต้นทุนโดย เชื่อมแค่บางจุด หรือใช้สกรูแทนเชื่อม
ไม่มีการปรับระดับฐาน → ทำให้ โยกเยกแม้ติดตั้งถูกต้อง
ไม่มี “โครงเสริมกลาง” สำหรับรุ่น 3 ที่นั่งขึ้นไป = พังง่ายเมื่อใช้งานหนัก

✅ 4. ขาดการควบคุมคุณภาพจากโรงงาน

บางรุ่นไม่มี QC ก่อนส่ง → ได้ของเบี้ยว เบาะหลุด หรือพ่นสีไม่เรียบ
ไม่มีมาตรฐาน มอก. หรือ ISO → สุ่มเสี่ยงชำรุดก่อนเวลา
ขายถูกเพราะใช้แรงงานไม่มีประสบการณ์

✅ 5. รูปแบบเหมือนกัน แต่ “วัตถุประสงค์ผลิต” ต่างกัน

เช่น:

รุ่นที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานภายในอาคาร → นำไปตั้งกลางแจ้ง = เสื่อมสภาพเร็ว
ม้านั่งพลาสติกบางรุ่นใช้เกรดที่เหมาะกับงานแสดงสินค้า → ไม่เหมาะกับงานถาวรในโรงเรียนหรือศูนย์บริการ

✅ สรุป: ราคาคล้ายกัน แต่คุณภาพขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณไม่เห็น

การเลือกม้านั่งที่ “ดูคล้ายกัน” ไม่ใช่หลักการซื้อที่ปลอดภัย
✅ ต้องดูวัสดุภายใน
✅ โครงสร้างภายนอก
✅ การรับประกันจากผู้ขาย
✅ และความเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานจริง